Software Testing Techniques มีอะไรบ้าง

Share This Post

เทคนิคการทดสอบซอฟต์แวร์ที่สำคัญ

การทดสอบซอฟต์แวร์นั้นมีเทคนิคและวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อให้ได้ซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพ ต่อไปนี้คือเทคนิคการทดสอบซอฟต์แวร์ที่สำคัญ:

  1. Black Box Testing
    • เป็นการทดสอบที่มุ่งเน้นการตรวจสอบฟังก์ชันการทำงานของระบบ โดยไม่คำนึงถึงรายละเอียดภายในของระบบ
    • ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบว่าระบบสามารถทำงานได้ตรงตามข้อกำหนดหรือไม่
  2. White Box Testing
    • เป็นการทดสอบที่มุ่งเน้นการตรวจสอบโครงสร้างภายในของระบบ เช่น โค้ด, อัลกอริทึม, ฐานข้อมูล
    • ช่วยให้พบข้อบกพร่องที่อาจไม่ถูกตรวจพบจากการทดสอบแบบ Black Box
  3. Unit Testing
    • เป็นการทดสอบส่วนย่อยๆ ของระบบ เช่น ฟังก์ชัน, โมดูล, คลาส
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องในระดับต่ำสุดของระบบ
  4. Integration Testing
    • เป็นการทดสอบการทำงานร่วมกันของส่วนต่างๆ ของระบบ
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นจากการเชื่อมต่อระหว่างส่วนย่อย
  5. System Testing
    • เป็นการทดสอบการทำงานของระบบทั้งหมด โดยพิจารณาว่าระบบสามารถทำงานได้ตรงตามข้อกำหนดหรือไม่
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของส่วนต่างๆ ของระบบ
  6. Acceptance Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าระบบสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้หรือไม่
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจไม่ถูกตรวจพบจากการทดสอบในขั้นตอนก่อนหน้า
  7. Performance Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบในด้านต่างๆ เช่น ความเร็ว, ความสามารถในการรองรับผู้ใช้, ความยืดหยุ่น
    • ช่วยให้ทราบถึงข้อจำกัดของระบบและสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้
  8. Regression Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาใหม่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟังก์ชันที่ทำงานอยู่เดิม
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในระบบ
  9. Usability Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความง่ายต่อการใช้งานของระบบจากมุมมองของผู้ใช้
    • ช่วยให้ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น
  10. Security Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อประเมินความปลอดภัยของระบบจากการโจมตีหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    • ช่วยให้ตรวจพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและสามารถป้องกันได้
  11. Exploratory Testing
    • เป็นการทดสอบที่ไม่มีแผนการทดสอบที่แน่นอนตั้งแต่ต้น แต่เน้นการค้นหาข้อบกพร่องในระหว่างการทดสอบ
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจไม่ถูกครอบคลุมโดยการทดสอบในขั้นตอนอื่น
  12. Risk-Based Testing
    • เป็นการกำหนดลำดับความสำคัญในการทดสอบโดยพิจารณาจากความเสี่ยง
    • ช่วยให้การทดสอบมุ่งเน้นไปที่ส่วนที่มีความเสี่ยงสูง และช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  13. End-to-End Testing
    • เป็นการทดสอบการทำงานของระบบทั้งหมด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจเกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่างๆ ของระบบ
  14. Smoke Testing
    • เป็นการทดสอบเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบว่าฟังก์ชันหลักของระบบสามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่ร้ายแรงและป้องกันการทดสอบในขั้นตอนต่อไปไม่สำเร็จ
  15. Sanity Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาใหม่ไม่ได้ทำให้ระบบขัดข้อง
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงระบบอย่างรวดเร็ว
  16. Mutation Testing
    • เป็นการทดสอบโดยการเปลี่ยนแปลงโค้ดเล็กน้อยเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งของ Test Cases
    • ช่วยให้ได้ Test Cases ที่ครอบคลุมและสามารถตรวจพบข้อบกพร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  17. A/B Testing
    • เป็นการทดสอบโดยการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของฟังก์ชันหรือรูปแบบที่แตกต่างกัน
    • ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรเลือกใช้ฟังก์ชันหรือรูปแบบใดที่เหมาะสมกว่า
  18. Chaos Engineering
    • เป็นการทดสอบโดยการสร้างความวุ่นวายหรือความผิดปกติในระบบอย่างมีแบบแผน
    • ช่วยให้ระบบมีความยืดหยุ่นและสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้
  19. Localization Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าระบบสามารถปรับให้เหมาะสมกับภูมิภาคหรือวัฒนธรรมต่างๆ ได้
    • ช่วยให้ระบบสามารถใช้งานได้ในหลากหลายภาษาและวัฒนธรรม
  20. Compatibility Testing
    • เป็นการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าระบบสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องบนอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
    • ช่วยให้ระบบสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่หลากหลาย
  21. Pairwise Testing
    • เป็นการทดสอบโดยเน้นการรวมคู่ของข้อมูลป้อนเข้า เพื่อครอบคลุมการทำงานของระบบ
    • ช่วยให้ทดสอบไม่จำเป็นต้องครอบคลุมทุกแบบการรวมของข้อมูลป้อนเข้า
  22. Boundary Value Analysis
    • เป็นการทดสอบโดยเน้นการตรวจสอบค่าขอบเขตของข้อมูลป้อนเข้า
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดจากการใช้ค่าขอบเขตที่ไม่ถูกต้อง
  23. Equivalence Partitioning
    • เป็นการแบ่งข้อมูลป้อนเข้าออกเป็นกลุ่มที่มีความเท่าเทียมกัน และเลือกกลุ่มตัวอย่างมาทดสอบ
    • ช่วยให้ลดจำนวนกรณีการทดสอบโดยไม่ส่งผลต่อความครอบคลุม
  24. State Transition Testing
    • เป็นการทดสอบโดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนสถานะของระบบ
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสถานะของระบบ
  25. Decision Table Testing
    • เป็นการทดสอบโดยใช้ตารางตัดสินใจที่แสดงถึงเงื่อนไขและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดจากการประมวลผลตามเงื่อนไขต่างๆ
  26. Use Case Testing
    • เป็นการทดสอบโดยใช้กรณีการใช้งาน (Use Case) ของระบบ
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งานจริงของระบบ
  27. Error Guessing
    • เป็นการทดสอบโดยใช้ประสบการณ์และความรู้ในการคาดเดาข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจไม่ถูกพบจากเทคนิคการทดสอบอื่นๆ
  28. Code Inspection
    • เป็นการทดสอบโดยการตรวจสอบรหัสโปรแกรมอย่างละเอียด
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องในระดับของโค้ดโปรแกรม
  29. Scripted Testing
    • เป็นการทดสอบโดยใช้แผนการทดสอบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    • ช่วยให้การทดสอบมีความเป็นระบบและสามารถทำซ้ำได้
  30. Walkthrough
    • เป็นการทดสอบโดยการทบทวนและตรวจสอบกระบวนการทำงานของระบบร่วมกับทีม
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องโดยการใช้ความรู้และประสบการณ์ของทีมงาน
  31. Experience-Based Testing
    • เป็นการทดสอบโดยใช้ประสบการณ์และความรู้ของผู้ทดสอบ
    • ช่วยให้ตรวจพบข้อบกพร่องที่อาจไม่ถูกพบจากเทคนิคการทดสอบอื่นๆ
เทคนิคการทดสอบเหล่านี้จะช่วยให้การทดสอบซอฟต์แวร์มีความครอบคลุมและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ

Subscribe To Our Newsletter

Get updates and learn from the best

More To Explore

หางาน Software Tester

งาน Software Tester คืออะไร? อยากสมัครงาน Software Tester ต้องมีทักษะอะไรบ้าง

งาน Software Tester คืออะไร? Software Tester คือบุคคลที่มีหน้าที่ตรวจสอบและทดสอบซอฟต์แวร์เพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง ปราศจากข้อผิดพลาด (bug) และตรงตามความต้องการของผู้ใช้ งานนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เนื่องจากช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากซอฟต์แวร์ถูกนำไปใช้งานจริง Software Tester อาจทำงานในหลายรูปแบบ เช่น Manual Testing (ทดสอบด้วยตนเอง) และ Automation Testing (ใช้เครื่องมือช่วยในการทดสอบ) ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและการนำไปใช้ที่แตกต่างกัน ทักษะที่จำเป็นสำหรับงาน

หางาน Software Tester

สมัครงาน Software Tester แต่ไม่มีประสบการณ์ ทำอย่างไรให้ได้งาน? หางาน Software Tester ที่รับเด็กจบใหม่ ทำยังไงให้ได้งานไว?

การเริ่มต้นอาชีพเป็น Software Tester อาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้วิธีเตรียมตัวและหางานอย่างมีประสิทธิภาพ คุณก็สามารถได้งานในสายนี้เร็วขึ้น มาดูกันว่าเราควรทำอย่างไรบ้าง! 1. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนสมัครงาน 1.1 ศึกษาเกี่ยวกับ Software Testing แม้ว่าคุณจะเรียนจบจากสาขาที่เกี่ยวข้อง แต่บางครั้งความรู้จากมหาวิทยาลัยอาจไม่เพียงพอ แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1.2 ฝึกฝนการใช้งานเครื่องมือจริง 1.3 สร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจ 2. วิธีหางาน Software Tester

Do you want to know more ?

drop us a line and keep in touch